ไปสเปนช่วงไหนดีที่สุด?

เดือนแรกของปีเป็นเดือนที่เงียบในประเทศสเปน ดังนั้นจึงเหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ชอบฝูงชนและไม่กังวลกับสภาพอากาศที่หนาวเย็นกว่า อุณหภูมิอาจค่อย ๆ เพิ่มสูงถึง 16 องศาเซลเซียสในแคว้นทางตอนใต้ซึ่งมีอากาศอบอุ่นที่สุด และลดต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียสในพื้นที่ราบสูงอย่างพิเรนีสและเซียร์ราเนบาดา อย่างไรก็ตามอากาศหนาวเย็นยังนำพาหิมะมากมายมาสู่เทือกเขาดังกล่าว โดยในเดือนมกราคมบรรดาสกีรีสอร์ทต่างคึกคักกันเต็มที่ ดังนั้นเสื้อหนาวที่อบอุ่นที่สุดจึงเป็นสิ่งจำเป็น ยกเว้นกรณีที่ท่านเดินทางไปหมู่เกาะคานารี

ยังมีการจัดงานเทศกาลอยู่บ้างในเดือนมกราคม เช่น Reyes Magos (วัน Three Kings Day) ในวันที่ 6 มกราคมซึ่งเป็นวันคริสต์มาสในแบบฉบับของประเทศสเปน โดยในคืนก่อนหน้านั้นประชาชนหลายร้อยคนจะร่วมขบวนพาเหรดไปตามท้องถนนบนรถแห่ขนาดใหญ่ที่ตกแต่งในธีมพื้นเมือง นำขบวนโดย 3 นักปราชญ์ (มักคัดเลือกจากสมาชิกสภาท้องถิ่นผู้โชคดี 3 คน) ที่เป็นผู้นำกิจกรรมแสนพิเศษอันคึกคักอย่างการโปรยขนมให้แก่ฝูงชนไปตามทาง เดือนมกราคมยังเป็นช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมในการซื้อตั๋วเครื่องบินราคาถูกหรือตั๋วหั่นราคาหลังเทศกาลคริสต์มาสที่คนสเปนเรียกกันว่า “Las rebajas”

แม้ว่ามักจะเป็นเดือนที่มีอากาศหนาวเย็นที่สุดของปีในประเทศสเปน แต่กุมภาพันธ์ก็ยังเป็นเดือนที่น่ามาเยือน โดยเฉพาะผู้ที่ชื่นชอบงานเทศกาลต่าง ๆ หากลงใต้ไปยังเมืองกาดิซในแคว้นอันดาลูเซีย ท่านจะได้พบกับ “คาร์นิวัล” สุดมันส์ที่มีการเดินขบวนพาเหรดในเครื่องแต่งกายแฟนซีเป็นเวลา 2 สัปดาห์ ดึงดูดผู้รักความบันเทิงหลายพันจากทั่วประเทศให้มาสัมผัส งานเฉลิมฉลองหนึ่งเดียวที่มีจำนวนผู้ร่วมงานสูงกว่าคือ คาร์นิวัล Las Palmas de Gran Canaria ซึ่งจัดขึ้นในลาสปัลมาสโดยมีธีมสีรุ้งที่แตกต่างกันไปในแต่ละปี

ทว่าก็ไม่ได้มีแต่เทศกาลอันคึกคักมีชีวิตชีวาเท่านั้น มาดริดเป็นสถานที่จัดงานเฉลิมฉลองศิลปะร่วมสมัยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในทวีปยุโรปอย่าง Feria Internacional de Arte Contemporáneo ขณะที่แคว้นเอ็กซ์เตรมาดูราทางตะวันตกนั้น นักดูนกต่างมารวมตัวกันเพื่อเฉลิมฉลองการอพยพของนกนานาพันธุ์มายังอุทยานแห่งชาติมอนฟราเกว นอกจากนี้ยังมีการจัดงานเทศกาลธีมยุคกลางในเตรูเอลซึ่งเป็นเมืองบนที่ราบสูงในแคว้นอารากอน แต่ก็อย่าลืมเตรียมเสื้อผ้าหนา ๆ ไปด้วยเนื่องจากอุณหภูมิของที่นี่อาจลดต่ำกว่าพื้นที่อื่นของสเปนในช่วงที่อากาศหนาวเย็นของปีอย่างในเวลานี้

เมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิสภาพอากาศก็เริ่มอบอุ่นขึ้นทุกวัน จนอยู่ ๆ ก็รู้สึกเหมือนว่าใกล้จะเข้าฤดูร้อนแล้ว ในภาคกลางและภาคใต้ของประเทศสเปนนั้น ท่านอาจสวมแค่เสื้อยืดในช่วงบ่ายก็ได้ ตราบใดที่ไม่มีลมหรือเมฆฝน แต่ถ้าไปเมืองอื่นเหนือมาดริดขึ้นไป ท่านอาจต้องสวมเสื้อหนาวอีกตัว นอกจากนี้อาจเกิดฝนตกหนักที่ไม่สามารถคาดเดาได้ทั่วประเทศสเปน ดังนั้นอย่าลืมเตรียมเสื้อกันฝนไปด้วย

มีนาคมยังเป็นเดือนที่มีการจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรมที่มีชื่อเสียงที่สุดของประเทศสเปนถึง 2 งาน เมื่อลงใต้ไปยังแคว้นอันดาลูเซีย ก็จะพบว่ามีการจัดงานเทศกาลแห่งเจเรซขึ้นในเมืองเจเรซ ภายในงานท่านจะได้พบกับนักเต้นระบำฟลาเมงโกที่มีพรสวรรค์ที่สุดของประเทศในถิ่นกำเนิดและศูนย์กลางของแนวดนตรีที่มีชื่อเสียงที่สุดของประเทศสเปน แต่เทศกาลสำคัญต้องยกให้ลาสฟายาสหรือเทศกาลเผาหุ่นของบาเลนเซีย เทศกาลประหลาดที่มีทั้งการดื่มและเต้นรำแบบไม่หยุดพัก การแสดงดอกไม้ไฟอันน่าตื่นตา (และเสียงดังมาก) การแสดงดนตรีสด และอารมณ์ขันแบบเสียดสี ปิดท้ายด้วยการร่วมพิธีเผาหุ่นกระดาษขนาดยักษ์ (คนท้องถิ่นเรียกว่า “Ninots”) ตามท้องถนน ซึ่งเป็นภาพแปลกตาที่ท่านไม่ควรพลาด

เมษายนเป็นเดือนที่เข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิอย่างเต็มตัว ท่านสามารถออกไปอาบแดดบนหาดทรายตามชายฝั่งทะเลบางแห่งได้วันละหลายชั่วโมง เมื่อดอกไม้ป่าเบ่งบานเต็มที่ ก็เป็นช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมของปีในการเที่ยวชมสวนและเขตชนบทต่าง ๆ เช่น Valle del Jerte ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเอ็กซ์เตรมาดูรา แต่ขอให้เตรียมใจไว้สักนิดว่าฝนฟ้าอาจตกลงมาได้ทุกเมื่อ ดังนั้นควรเตรียมเสื้อกันฝนไปด้วย

ผู้คนมากมายต่างออกไปชมขบวนพาเหรดท่ามกลางแสงเทียน Semana Santa ในเมืองต่าง ๆ ทั่วแคว้นอันดาลูเซียและคาสตีล-เลออน “กลุ่มภราดรภาพ” เดินนำขบวนในชุดยาวพร้อมหมวกคลุมศีรษะในสีต่าง ๆ แต่ละคนช่วยกันหามเสลี่ยง 2 เสลี่ยงซึ่งด้านบนมีรูปปั้นตรึงอยู่จากโบสถ์ตรงไปยังวิหารของเมืองและเดินทางกลับ หลังจากนั้นในเดือนเดียวกัน มีการจัดงานเทศกาล Feria de Abril ที่เมืองเซบีญา ท่านจะได้เห็นคนท้องถิ่นสวมชุดฟลาเมงโกที่สวยที่สุดของตนขึ้นนั่งบนหลังม้าและเต้นรำกันจนถึงช่วงดึก ส่วนในเมืองอื่นนั้น นักกินมักจะไม่พลาดเทศกาลอย่าง Mercat de Ram ในเมืองวิกของแคว้นกาตาลุญญา และ Feria del Queso (ซึ่งรวบรวมชีสไว้มากที่สุดเท่าที่ท่านเคยพบ) ในเมือง Trujillo ของแคว้นเอ็กซ์เตรมาดูรา

เมื่อเข้าเดือนพฤษภาคมแถบชนบทของประเทศสเปนจะปกคลุมไปด้วยดอกไม้ป่าสีสันสดใส อุณหภูมิในช่วงกลางวันจะเริ่มสูงขึ้นและคงที่อยู่เหนือระดับ 20 องศาเซลเซียส นั่นหมายความว่าแคว้นต่าง ๆ ริมชายฝั่งอย่างอันดาลูเซียและกาตาลุญญาจะเริ่มเข้าสู่ฤดูเที่ยวชายหาด ซึ่งเป็นเวลาที่เหมาะมากในการไปเยือนทะเลและชายหาดบางแห่งก่อนจะถึงเดือนในช่วงฤดูร้อนที่คึกคักมากขึ้น ขณะที่เมืองต่าง ๆ ในพื้นที่ด้านในห่างจากทะเลอย่างกรานาดาและเซบีญาเหมาะสำหรับการพักผ่อนในฤดูใบไม้ผลิอันอบอุ่นและเต็มไปด้วยแสงแดด

เดือนพฤษภาคมยังเป็นช่วงเริ่มต้นฤดูกาลแห่งการสังสรรค์ ตัวอย่างเช่น เมืองมาดริด ที่จัดงาน Fiesta de San Isidro เพื่อรำลึกถึงนักบุญอุปถัมภ์เมืองหลวงของสเปนแห่งนี้ ในงานมีขบวนพาเหรด การสู้วัวกระทิง และการแสดงดนตรีสดเป็นเวลา 1 สัปดาห์เต็มโดยแทบไม่มีการหยุดพัก นอกจากนี้ยังมีเทศกาล Fiesta de los Patios de Córdoba ในกอร์โดบา (ไม่บ่อยนักที่ท่านจะได้ชมลานภายในอันเต็มไปด้วยดอกไม้โปรยปรายของกอร์โดบาที่เปิดให้เข้าชมในงานนี้) เทศกาลดนตรี WOMAD ในกาเซเรสและงานเฉลิมฉลองอันโด่งดังของการเปิดเกาะอิบิซาที่ผู้คนเห็นพ้องต้องกันว่าเป็นเมืองหลวงแห่งการท่องราตรีของประเทศสเปน เพราะฉะนั้นอย่าลืมเตรียมกล้องถ่ายภาพและเสื้อผ้าที่เหมาะกับสภาพอากาศอบอุ่นและมีฝนไปด้วย

ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าเดือนกรกฎาคมเป็นเดือนที่คึกคักที่สุดในจุดหมายส่วนใหญ่ของประเทศสเปน ซึ่งก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียแล้วแต่ว่าจะมองกันไปในทิศทางใด ยกตัวอย่างการออกไปเที่ยวกลางคืน ท่านก็จะมีบาร์และร้านอาหารน่าสนใจมากมายให้เลือก แต่อาจเป็นเรื่องยากในการมองหาบรรยากาศแบบสเปนแท้ ๆ ในเมืองตากอากาศที่เหมาะกับนักท่องเที่ยวมากกว่าอย่างคอสตาเดลโซลหรือคอสตาบลังกา

คงไม่ต้องบอกเลยว่าอุณหภูมิในเดือนกรกฎาคมจะร้อนระอุแค่ไหน ดังนั้นอย่าลืมเตรียมครีมกันแดดมาด้วยเยอะ ๆ ท่านอาจลืมความร้อนอบอ้าวไปได้ง่าย ๆ เลยหากได้ร่วมงานเทศกาลต่าง ๆ อย่าง Festival Internacional de Benicàssim ที่เบนิสกัสซิมใกล้กับบาเลนเซีย หรือ Festival de la Guitarra de Córdoba ของกอร์โดบา ซึ่งเป็นการเฉลิมฉลองของดนตรีที่บรรเลงด้วยกีตาร์ ตั้งแต่แนวฟลาเมงโกไปจนถึงร็อก บลูส์ และอื่น ๆ แต่ยังไม่หมดเท่านี้! ปัมโปลนาจัดเทศกาลที่มีชื่อเสียงระดับโลกอย่าง San Fermín (การวิ่งวัวกระทิง) เป็นเวลาสัปดาห์กว่า ขณะที่ Día de Santiago (งานฉลองนักบุญเจมส์) เฉลิมฉลองกันอย่างยิ่งใหญ่ในซานติอาโก เด กอมโปสเตลาในวันที่ 25 กรกฎาคม

ในเดือนสิงหาคมรีสอร์ทริมชายหาดของประเทศสเปนต่างเนืองแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทุกคนตั้งใจหลบหนีความร้อนอบอ้าว (หลายครั้งสูงกว่า 35 องศาเซลเซียส) ของเมืองที่ห่างจากชายฝั่งอย่างเซบีญา กอร์โดบา และมาดริด แม้แต่เมืองท่องเที่ยวริมชายฝั่งอย่างบาร์เซโลนา มาลากา และบาเลนเซียก็อาจมีอากาศร้อนชื้นเกินไป ดังนั้นหลายคนจึงเลือกเดินทางไปเยือนประเทศสเปนทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือบริเวณชายฝั่งแอตแลนติกซึ่งมีอากาศเย็นกว่า อุณหภูมิของที่นี่จะอยู่ระหว่างต้น 20 ถึงต้น 30 องศาเซลเซียส และลมทะเลยังช่วยบรรเทาความร้อนลงได้ในวันที่อากาศร้อนอบอ้าวเป็นพิเศษ

หากสภาพอากาศที่เย็นกว่ายังไม่น่าดึงดูดเท่าไหร่ อาหารรสเลิศอาจเปลี่ยนใจท่านได้บ้าง แคว้นกาลิเซียขึ้นชื่อเรื่องอาหารทะเล โดยเฉพาะหมึกสายที่เป็นส่วนประกอบสำคัญในทาปาสเกือบทุกเมนู และยังเป็นพระเอกของงานเทศกาล Festa do Pulpo ที่อุทิศให้กับหมึกสายโดยเฉพาะ ซึ่งจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 2 ของเดือนสิงหาคมในเมืองเล็ก ๆ ที่มีชื่อว่าการ์บาญีโน ลงใต้ไปยังเมืองกัมบาโดส มีการจัดเทศกาล Festa do Albariño เป็นเวลา 5 วันเพื่อเฉลิมฉลองให้กับไวน์ขาวรสผลไม้ที่ได้รับความนิยมที่สุดของแคว้นกาลิเซีย ขณะที่แคว้นอัสตูเรียสที่อยู่ติดกันและขึ้นชื่อเรื่องเหล้าไซเดอร์จัดงานเทศกาล Fiesta de la Sidra Natural ขึ้นในสัปดาห์ที่ 4 ของเดือน

นอกเหนือจากที่กล่าวไปข้างต้น ท่านยังสามารถเลือกหนีร้อนด้วยวิธีที่แปลกแหวกแนว นั่นคือการร่วมงานปามะเขือเทศ La Tomatina ซึ่งจัดขึ้นทุกเดือนสิงหาคมในเมืองบูญอลของแคว้นบาเลนเซีย

เมื่อถึงเดือนกันยายนอุณหภูมิที่ร้อนอบอ้าวของฤดูร้อนจะเบาบางลง นั่นหมายความว่าสภาพอากาศในเมืองต่าง ๆ อย่างมาดริดและเซบีญาจะไม่ร้อนจนเกินไปนักอีกต่อไป วันที่อากาศเย็นที่สุดของแคว้นต่าง ๆ ทางตอนเหนือจะมีอุณหภูมิอยู่ราว ๆ 17 องศาเซลเซียส ส่วนวันที่อากาศร้อนที่สุดทางชายฝั่งตอนใต้อาจสูงกว่า 30 องศาเซลเซียส ดังนั้นครีมกันแดดยังเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องนำติดตัวไปด้วย

ช่วงเปลี่ยนฤดูกาลอย่างในเวลานี้เหมาะมากสำหรับการไปเยือนเมืองต่าง ๆ ทั่วประเทศสเปน และก็มีงานเทศกาลต่าง ๆ จัดขึ้นมากมายในระหว่างนี้ หนึ่งในเทศกาลที่ไม่ควรพลาด คือ Fiesta de San Mateo ซึ่งจัดขึ้นในแคว้นลาริโอฆาที่ขึ้นชื่อเรื่องการผลิตไวน์ โดยจัดขึ้นระหว่างสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนกันยายนเพื่อเฉลิมฉลองฤดูเก็บเกี่ยวผลองุ่น โลโกรโญซึ่งเป็นเมืองหลวงของแคว้นนี้จะเต็มไปด้วยกิจกรรมต่าง ๆ ท่านจะมีโอกาสได้ย่ำเท้าไปบนองุ่นสด ๆ และที่ขาดไม่ได้คือชิมไวน์ระดับเวิลด์คลาสอย่างจุใจ กิจกรรมอื่นที่ท่านอาจจะสนใจ ได้แก่ เทศกาลภาพยนตร์ 2 สัปดาห์เต็มที่ซานเซบาสเตียน เทศกาล Festes de la Mercè อันยิ่งใหญ่ของบาร์เซโลนา และงานเทศกาลดนตรีฟลาเมงโก Bienal de Flamenco ที่มีชื่อเสียงที่สุด ซึ่งเมืองเซบีญาและเมือง มาลากาผลัดกันจัดขึ้น

ถึงแม้จะรู้สึกว่าฤดูร้อนเพิ่งผ่านไป แต่เผลอนิดเดียวลมหนาวก็ย่างกรายเข้ามาในเดือนตุลาคม ท่านจะรู้ได้ทันทีเมื่อเห็นสัญญาณต่าง ๆ มากมายตั้งแต่เสื้อโค้ทตัวหนาและรองเท้าบู๊ตยาวที่ทำจากหนัง ไปจนถึงใบไม้สีส้มอมเหลืองที่ปกคลุมไปทั่วจัตุรัสต่าง ๆในตัวเมือง เมื่อล่วงเข้าสิ้นเดือน อุณหภูมิเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 15 องศาในพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศสเปน แต่ท่านก็อาจถือโอกาสไปพักผ่อนริมชายหาดในช่วงท้ายฤดูในมายอร์กาหรือที่เกาะแห่งใดแห่งหนึ่งของหมู่เกาะแบลีแอริกซึ่งอุ่นกว่าที่อื่นประมาณ 10 องศา

อย่างไรก็ตามวิธีที่ดีที่สุดในการสัมผัสกับฤดูใบไม้ร่วงในประเทศสเปนคือการพร้อมรับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะไปเดินชมทิวทัศน์ในย่านชนบทอันสวยงามของแคว้นอันดาลูเซีย หรือไปเล่นเซิร์ฟโต้คลื่นสูงบริเวณชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก (ในกรณีนี้ท่านควรเตรียมเว็ทสูทไปด้วย) หากต้องการหลีกเลี่ยงฝูงชน ท่านสามารถเดินทางไปยังแคว้นนาวาร์บริเวณ Irati Forest อันคึกคักมีชีวิตชีวาบนชายแดนตะวันออกเฉียงเหนือติดกับประเทศฝรั่งเศส หรือร่วมงานเทศกาล Fiestas del Pilar ของซาราโกซา วันชาติของประเทศสเปนตรงกับวันที่ 12 ตุลาคม และมีการเฉลิมฉลองพร้อมกันทั่วประเทศ

เมื่อฤดูหนาวเวียนมาถึง อุณหภูมิทั่วประเทศสเปนในระหว่างเดือนพฤศจิกายนจะหนาวเย็น ดังนั้นจึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงอากาศร้อน สีเข้มของฤดูใบไม้ร่วงและท้องฟ้าสีฟ้าสดสรรค์สร้างบรรยากาศทางธรรมชาติอันแปลกใหม่และน่าสัมผัส โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแถบชนบทของอันดาลูเซีย อย่างไรก็ตามขอให้เตรียมใจไว้สักนิดว่าบริเวณพื้นที่สูงทางตอนเหนือจะมีอากาศหนาวเย็นกว่ามาก และอาจมีกระทั่งหิมะตกเมื่อล่วงเข้าปลายเดือน

หลังจากปฏิทินฤดูร้อนที่เต็มไปด้วยเทศกาลและงานเฉลิมฉลองผ่านพ้นไป เดือนพฤศจิกายนเป็นช่วงที่ทุกอย่างเริ่มสงบลง ถึงกระนั้นในวันที่ 1 ของเดือนก็ยังตรงกับวันหยุดของประเทศ นั่นคือ All Saints’ Day ซึ่งเป็นวันรำลึกถึงผู้วายชนม์และเฉลิมฉลองอาหารในฤดูกาล หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วัน ผู้รักเหล้าเชอร์รีในเมืองเจเรซต่างเฉลิมฉลองเครื่องดื่มโปรดของตนในเทศกาล International Sherry Week ขณะที่โปเตส เมืองเล็ก ๆ ที่อยู่ใกล้กับซานตานเดร์เลือกจัดงาน Festival de Orujo เพื่อเป็นเกียรติแก่เครื่องดื่มพื้นบ้านของตน ท่านสามารถร่วมงานเทศกาลดนตรีแจ๊สนานาชาติในกรานาดาและมาดริด ซึ่งจัดขึ้นตลอดทั้งเดือนได้เช่นกัน

อุณหภูมิอันหนาวเย็นในเดือนธันวาคมได้รับการชดเชยด้วยตลาดคริสต์มาสมากมายที่จัดขึ้นทั่วประเทศ ตั้งแต่บิลเบาและบาร์เซโลนา ไปจนถึงมาดริดและเซบีญา ภายในงานเต็มไปด้วยสิ่งน่าสนใจอย่างหัตถกรรมพื้นบ้าน การจัดฉากแบบพื้นเมือง และผลิตภัณฑ์พื้นบ้านอย่างขนมตูรอนและชีสมานเชโก วันคริสต์มาสนั้นถือเป็นวันหยุดของประเทศ แต่การเฉลิมฉลองสำคัญจะเริ่มขึ้นในเดือนมกราคม วันส่งท้ายปีเก่าเป็นการเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่กว่ามาก ชาวสเปนจะพยายามรับประทานองุ่น 12 ลูก (แต่ละลูกแทนการตีบอกเวลาแต่ละครั้งของนาฬิกา) เมื่อนาฬิกาตีบอกเวลาเที่ยงคืน

เมื่อเทียบกันในระดับแคว้น อีเวนท์ต่าง ๆ ของมาลากา มีจำนวนน้อยลงกว่าในเดือนอื่น แต่การประดับไฟคริสต์มาสอันตระการตากลับกลายเป็นสิ่งที่ต้องไม่พลาดชม โดยเฉพาะอย่างยิ่งคืนที่มีการเปิดไฟประดับบนถนน Calle Larios เมืองตอร์ร็อกซ์ที่อยู่ใกล้กันดึงดูดความสนใจจากผู้คนหลายพันด้วยงานเทศกาลประจำปีอย่าง Migas Festival ที่จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองอาหารที่พบเห็นได้ทั่วไปมากที่สุดในแคว้นนี้อย่าง “มิกาส” สำหรับผู้ที่ต้องการไปเยือนชายหาดในฤดูหนาวมากกว่า สภาพอากาศกึ่งเขตร้อนของหมู่เกาะคานารีซึ่งมีอุณหภูมิสบาย ๆ คงที่อยู่ระหว่าง 17-23 องศาเซลเซียสตลอดทั้งเดือนน่าจะเป็นคำตอบของท่าน